Royal Caribbean

รอยัล แคริบเบียน อินเตอร์เนชั่นแนล คือแบรนด์เรือสำราญระดับโลกพร้อมด้วยเรือสำราญแห่ง นวัตกรรม 22 ลำ เทียบท่ายังเมืองท่าต่างๆ กว่า 270 เมือง ใน 72 ประเทศ มอบประสบการณ์การพักผ่อนระดับเวิลด์คลาสพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอันเป็นเอกลักษร์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ด้วยเรือสำราญแห่งนวัตกรรม โปรแกรมการเดินทางอันตื่นตาตื่นใจ และการให้บริการที่โลกยอมรับตามรับตามแบบฉบับ Gold Anchor Service รอยัล แคริบเบียน อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นบริษัทเดินเรือสำราญสัญชาติอเมริกัน – นอร์เวย์ บริษัท ลูกของรอยัลแคริบเบียนครูส มีสำนักงานอยู่ที่เมืองไมแอมี รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา มีเรือในสังกัดจำนวน 22 ลำ ครองสัดส่วนการตลาดของธุรกิจเดินเรือโดยสารโลก 17 % ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991 เป็นต้นมา เรือทุกลำของบริษัทจะมีชื่อต่อท้ายว่า “ออฟเดอะซีส์” ทุกลำ นอกจากนี้บริษัทยังมีแบรนด์ย่อยกออกเป็น เซเลบริตี้ ครูส, อาซามารา ครูส, พูลแมนเตอร์, ครัวซิเย เดอ ฟรองก์

เป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว นับตั้งแต่การก่อตั้ง Royal Caribbean Cruise Line ขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1968 ณ ประเทศนอร์เวย์ จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นชื่อ Royal Caribbean International และย้ายฐานมาที่สหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน แต่การเดินทางของเรือสำราญในเครือรอยัล แคริบเบียนก็ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักเลยสักครั้ง และนั่นก็เป็นสิ่งที่สามารถการันตีถึงคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการของที่นี่ได้เป็นอย่างดี โดยไม่จำเป็นที่จะต้องมีรางวัลใดๆ มายืนยัน นอกจากนั้นรอยัล แคริบเบียนยังนำประสบการณ์ในการล่องเรือไปทั่วโลกกว่า 72 ประเทศ ใน 6 ทวีปมาใช้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาเรือสำราญในเครืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นก็คือการต้องทำสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ โดยสร้างโลกของจินตนาการให้เกิดขึ้นจริง เพื่อการพักผ่อนที่เกินความคาดหวังในทุกๆ ครั้งที่ลูกค้ามาใช้บริการ

Royal Caribbean มีเรือสำราญที่ให้บริการทั้งหมดจำนวน 22 ลำ ซึ่งเรือทุกลำจะมีชื่อที่มีประโยคห้อยท้ายเหมือนๆ กันว่า ‘Of the Sea’ ทั้งนี้เรือสำราญในเครือรอยัล แคริบเบียนยังถูกแบ่งอออกเป็นทั้งหมด 7 คลาสด้วยกัน โดยเรือแต่ละคลาสนั้นก็จะมีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของขนาดของเรือ รูปลักษณ์ภายนอก จำนวนผู้โดยสาร พื้นที่ในการให้บริการในแต่ละน่านน้ำ และการตกแต่ง ฯลฯ ได้แก่   Oasis Class,  Freedom Class, Radiance Class, Voyager Class, Vision Class, Sovereign Class และ Quantum Class

โรงแรมลอยน้ำ ที่มาพร้อมบริการในระดับเวิลด์คลาส

สำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้บริการเรือสำราญมาก่อนอาจจะรู้สึกกังวลและไม่มั่นใจที่จะลองใช้บริการดูสักครั้ง เพราะเข้าใจว่าการเดินทางแบบนี้หากเปรียบเทียบกับการใช้บริการโดยสารทางเครื่องบินแล้ว จะค่อนข้างช้าและใช้เวลาในการเดินทางนานกว่าหลายสิบเท่า อีกทั้งการล่องเรืออยู่ท่ามกลางทะเลหลายๆ วันคงน่าเบื่อ เพราะเมื่อมองออกไปก็คงจะเห็นแต่ท้องฟ้าและทะเล ซึ่งนั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะเป้าหมายของธุรกิจการล่องเรือสำราญนั้นไม่ได้มีจุดประสงค์เพียงแค่การไปให้ถึงจุดหมายปลายทางที่ใดสักแห่งเท่านั้น แต่เป้าหมายของเรือสำราญคือ การที่นักท่องเที่ยวสามารถใช้วันหยุดพักผ่อนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยการเดินทางที่สมบูรณ์แบบ เนื่องจากภายในเรือสำราญนั้นล้วนเต็มไปด้วยกิจกรรมความบันเทิงและเครื่องอำนวยความสะดวกในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งโรงภาพยนตร์ สนามกีฬา สปา กาสิโน ร้านอาหาร สวนน้ำ สวนสนุก ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ ดังต่อไปนี้

การพักผ่อนและผ่อนคลาย (REST & RELAXATION)

– ผ่อนคลายร่างกายด้วยโปรแกรมสปา โปรแกรมฝังเข็ม และการนวดด้วยหินร้อน เป็นต้น

– ทั้งสนุกและได้ออกกำลังแขนขากับ 4 สระว่ายน้ำ และ 6 อ่างจากุชชี่ หรือจะนอนอาบแดดแบบชิลล์ๆ ก็ไม่ว่ากัน

– ฝึกโยคะหรือรำไทเก็กที่ศูนย์ออกกำลังกาย State of the Art

– เพลิดเพลินกับหนัง สารคดี หรือกีฬามันๆ ด้วยโทรทัศน์จอแบนระบบดิจิตอลและหน้าจอสัมผัสภายในห้องพัก หรือจะเซิร์ฟเน็ตผ่าน Wi-Fi ก็แสนง่ายดาย

– สุขใดไหนเลยจะเท่าการนั่งแช่น้ำในสระว่ายน้ำส่วนตัว พร้อมชมหนังดังฮอลลีวู้ดจากจอภาพยนตร์กลางแจ้ง

กิจกรรมสันทนาการและการผจญภัย (ACTION & ADVENTURE)

– ฝึกความแข็งแกร่งด้วยกิจกรรมปีนเขาบนผนังหิน

– เริงระบำบนลานสเก็ตน้ำแข็งกลางมหาสมุทร

– เย็นใจกับกีฬากอล์ฟ ณ สนามมินิกอล์ฟ

– ประลองความแม่นยำในการชูตลูกบนแป้นกับสนามบาสเกตบอลที่ได้มาตรฐาน

– วิ่งจ๊อกกิ้งเบาๆ รับแสงแดดยามเช้าในลู่วิ่งบนดาดฟ้าเรือ

ร้านอาหารหลากหลายทางเลือก (DINING OPTIONS)

– บริการอาหารฟรีถึงห้องพักกับหลากหลายเมนู ทั้งมื้อเช้า กลางวัน และมื้อค่ำ

– จิบคาปูชิโนหอมๆ กับร้านกาแฟชื่อดังอย่าง Starbucks

– เรียกน้ำย่อยก่อนมื้อหนักกับสารพัดอาหารว่างและไอศกรีมตลอดทั้งวัน ที่ Johnny Rockets, Cupcake Cupboard, Soft-serve Ice Cream, Café Promenade และ Ben & Jerry

– ลองลิ้มชิมรสอาหารเพื่อสุขภาพที่ Solarium Café, Park Café

– เพลิดเพลินกับอาหารหลากหลายเชื้อชาติทั้งอาหารอิตาเลียน อาหารจีน อาหารญี่ปุ่น ฯลฯ ทั้งแบบดั้งเดิมและแบบฟิวชั่นที่ Windjammer Cafe, Giovanni’s Table, Portofino, Izumi Asian Cuisine และ 150 Central Park เป็นต้น

พื้นที่สำหรับเด็กและครอบครัว (KIDS & FAMILIES)

– สู่โลกแห่งการผจญภัยในมหาสมุทร สำหรับเด็กวัย 3-11 ปี ที่ Adventure Ocean For Kids

– เปิดโอกาสให้เยาวชนอายุ 12-17 พบปะทักทายเพื่อนใหม่ พร้อมแดนซ์กันให้สุดเหวี่ยงที่ Teen Programme

– เสริมสร้างพัฒนาการสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน และบรรดาคุณพ่อคุณแม่ ณ Royal Babies and Royal TOTS Playgroups และ Royal Babies & TOTS Nursery

ความบันเทิงและการช้อปปิ้ง (ENTERTAINMENT & SHOPPING)

– ชมละครสไตล์บอร์ดเวย์เรื่องเยี่ยม ที่การันตีฝีมือจากรางวัลแกรมมี่อวอร์ด ภายในโรงละครหลัก

– ชมการแสดงสเก็ตน้ำแข็งอันน่าตื่นตาตื่นใจในสตูดิโอ

– สังสรรค์เที่ยงวันยันเที่ยงคืนกับ15 บาร์คลับและเลาจน์ แล้วแวะเสี่ยงโชคเล็กๆ ที่กาสิโนสไตล์ลาสเวกัสอย่าง Casino Royale

– ช้อปปิ้งไม่มียั้งกับหลากหลายสินค้าแบรนด์เนมปลอดภาษี ทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ น้ำหอม ฯลฯ ที่ Store at Sea และ Royal Promenade

—————————————————————————————————————————————————————————————————————————————–

เปิดประตูสู่อาเซียนกับ Mariner of the Sea

อาเซียนหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นเขตพื้นที่ที่โดดเด่นในเรื่องของธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งเรียกได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงของการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างเม็ดเงินจำนวนมหาศาลจากตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี เนื่องจากอาเซียนนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่อันอุดมไปด้วยทัศนียภาพที่งดงามจากธรรมชาติสรรค์สร้าง อย่างทะเลสีเทอร์ควอยซ์พร้อมแนวปะการังและปลาหลากสี หรือแนวเทือกเขาที่ยังสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์พืชและสัตว์ป่า เป็นต้น นอกจากนั้นอาเซียนยังเต็มไปด้วยสีสันของานเทศกาลที่หลากหลาย รวมถึงสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างเก่าแก่อายุหลายพันปี เหล่านี้ส่งผลให้องค์การยูเนสโกต้องขึ้นทะเบียนให้ 28 สถานที่จากอาเซียนกลายเป็นมรดกโลกในที่สุด

สำหรับการล่องเรือในน่านน้ำมหาสมุทรอินเดียอันเป็นเส้นทางสู่อาเซียนนั้น เรือสำราญ Mariner of the Sea น้องเล็กลำล่าสุดจากเรือสำราญทั้งหมด 5 ลำของกลุ่ม Voyager Class ในเครือของ Royal Caribbean คือเรือสำราญที่รับหน้าที่คอยให้บริการนักท่องเที่ยวมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 จนถึงปัจจุบัน กับ 4 โปรแกรมท่องเที่ยวสุดชิค บนเส้นทางสู่ 3 ประเทศสุดคลาสสิคแห่งอาเซียน

Mariner of the Sea เป็นเรือสำราญที่เป็นเจ้าของสถิติความใหญ่เป็นอันดับที่ 9 ของโลก ด้วยน้ำหนักรวม 138,279 ตัน และมีความสูงถึง 311 เมตร โดยแบ่งออกเป็นทั้งหมด 15 ชั้น สามารถรับผู้โดยสารได้ทั้งหมด 4,299 คน ซึ่งรวมทั้งลูกเรือ1,185 คนด้วย นอกจากนั้นภายในเรือยังประกอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย อย่างเช่นสระว่ายน้ำและสระระบบน้ำวนจำนวน 10 สระ ผับ บาร์ และเลาจ์ที่มีให้ได้สังสรรค์กันอย่างเต็มที่ถึง 17 แห่งด้วยกัน  รวมถึงห้องพักไว้คอยรองรับแขกผู้มาเยือนที่มากถึง 1,557 ห้อง

เลือกห้องที่ใช่ เพื่อทุกวันของการพักผ่อนที่ดีที่สุด

การวางแผนท่องเที่ยวในแต่ละครั้ง แน่นอนว่านอกจากเรื่องของจุดหมายปลายทางและการเดินทางแล้ว ที่พักหรือห้องพักก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรต้องใส่ใจ เพราะถึงแม้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่เราไปนั้นจะวิเศษสุดสักแค่ไหน แต่หากห้องพักที่ต้องอาศัยหลับนอนนั้นไม่เป็นที่ถูกอกถูกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องจ่ายค่าห้องราคาแสนแพงด้วยแล้ว ให้อย่างไรก็คงจะฝืนใจให้มีความสุขไม่ได้ เพราะฉะนั้นห้องที่เราจะเข้าพักจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความเอาใจใส่เป็นอันดับต้นๆ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของตัวเองมากที่สุด ซึ่งห้องพักของเรือสำราญ Mariner of the Sea นั้นถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน

BALCONY SUITES

ห้องพักประเภทสวีทรูมมีทั้งหมด 5 สไตล์  คือห้อง Presidential Royal Suite, Owner’s Suite, Royal Family Suite, Grand Suite (Shown) และ Junior Suite ซึ่งข้อดีของห้องประเภทนี้ก็คือความโดดเด่นในเรื่องของพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง เพื่อให้สามารถเข้าพักได้ทั้งครอบครัวแล้ว ภายในห้องยังประกอบไปด้วยระเบียงส่วนตัว  ห้องนั่งเล่น บาร์และอ่างอาบน้ำส่วนตัว รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกครบครัน นอกจากนั้นยังมีสิทธิพิเศษอีกมากมายที่เป็นเอกสิทธิ์สำหรับลูกค้าที่พักในห้อง Junior Suite

BALCONY STATEROOMS

ห้องพักริมระเบียงมีอยู่ 2 แบบ ได้แก่ห้อง Superior Ocean View (Shown) และ Deluxe Ocean View โดยมีให้เลือกทั้งแบบเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ ส่วนภายในห้องจะประกอบไปด้วยระเบียงส่วนตัว พื้นที่นั่งเล่นพร้อมโซฟา รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานสากล

OCEAN VIEW STATEROOMS

สำหรับห้องพักประเภทโอเชี่ยนวิวมีทั้งหมด 4 แบบ คือห้อง Superior Ocean View (Shown), Family Ocean View, Large Ocean View และ Ocean View ที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้รอบทิศ นอกจากนั้นยังมีส่วนของพื้นที่นั่งเล่น และมีให้เลือกทั้งแบบเตียงเดียวและเตียงคู่เช่นกัน

INTERIOR STATEROOMS

แบ่งห้องออกเป็นทั้งหมด 3 แบบ คือ Superior Interior (Shown), Large Interior และ Interior ซึ่งเป็นห้องพักระดับมาตรฐานสำหรับผู้ที่มีงบอย่างจำกัด กระนั้นห้องพักประเภทนี้ก็พร้อมไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานอย่างครบครัน

เพราะการเดินทางที่สนุกที่สุด สิ่งสำคัญมิใช่แค่คุณจะไปที่ไหน แต่มันสำคัญที่คุณจะไปกับใครต่างหาก เพราะทุกคนสามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองได้… และสำหรับผู้ที่สนใจการเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบที่หรูหราและแปลกใหม่บนเรือสำราญลำหรู Mariner of the Sea บนน่านน้ำทะเลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน สามารถสอบถามโปรแกรมการท่องเที่ยวหรือรายละเอียดของเส้นทางเพิ่มเติมได้