ข้อมูลการท่องเที่ยวอินเดีย

อินเดีย เป็นประเทศสำคัญในภูมิภาคเอเชีย ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายพันปี ที่สำคัญอินเดียเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมที่เก่าแก่และเจริญรุ่งเรืองมาแต่ ครั้งโบราณกาลเมื่อกล่าวถึงอินเดีย มิใช่เฉพาะประเทศในซีกโลกตะวันออกเท่านั้นที่รู้จักโดยทั่วกัน แม้แต่ประเทศในซีกโลกตะวันตก ต่างก็รู้จักดินแดนแห่งนี้เป็นอย่างดี ดังจะเห็นได้จากเรื่องราวของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (356-323 B.C.) แห่งมาซิโดเนีย ครั้งหนึ่งพระองค์ได้เคยยาตราทัพมายังดินแดนแถบนี้ โดยมุ่งหมายจะยึดครองอินเดียให้จงได้ ตามข้อสันนิษฐานของนักโบราณคดี ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า ภาคเหนือของอินเดียได้เคยมีการติดต่อกับอารยธรรมเมโสโปเตเมียในลุ่มแม่น้ำไท กริสและยูเฟรติสมาก่อนแล้ว

 สภาพภูมิอากาศ
อินเดียมี 3 ฤดูกาลได้แก่

  • ฤดูร้อน ระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายนอุณหภูมิสูงสุดประมาณ 35 องศาเซลเซียส
  • ฤดูฝน ระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายนอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 28 องศาเซลเซียส
  • ฤดูหนาว ระหว่างเดือนตุลาคม-มีนาคมอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 10-17 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ – 3 องศาเซลเซียส เฉพาะบางเมืองเท่านั้น

 เวลา
เวลาในประเทศอินเดียช้ากว่าในประเทศไทย 1.30 ชั่วโมง แต่การทำกิจกรรมและบริหารเวลาจะต่างกันมากโดยทั่วไปชาวอินเดียส่วนใหญ่จะเริ่มงานและทานอาหารเช้าเวลา 10.00 น. และพักเที่ยงตอน 14.00 น.หรือ 15.00 น. และทานอาหารเย็นตอน 20.00 น.

 ภาษา
ภาษาฮินดีเป็นภาษาที่ใช้โดยประชาชนส่วนใหญ่ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้ในวงราชการและธุรกิจ นอกจากนั้นยังมีภาษาท้องถิ่นอีกนับร้อยภาษา แต่ที่ใช้กันมากมี 14 ภาษา คือ อูรดู เตลูกู เบงกาลี ทมิฬ และปัญจาบี

 เงินตรา
รูปีอินเดีย (INR) หน่วยย่อยของรูปีเรียก เปซ่า (Paise) อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ 40.88 รูปี และ 1 รูปี เท่ากับ 0.67 บาท ( ก.ย. 2553)
บัตรเครดิตที่สามารถใช้ได้ทั่วไปคือบัตร Visa American Express และ Mastercard

  INR

 ระบบไฟฟ้า
ใช้ระบบไฟฟ้าเช่นเดียวกับประเทศไทย หากต้องการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าจากเมืองไทยไปใช้ที่อินเดีย อาจจะต้องเปลี่ยนปลั๊กไฟเป็นแบบขากลม

india-plugตัวอย่างปลั๊กไฟในอินเดีย

 ฟิลม์และกล้องถ่ายรูป
ควรเตรียมไปให้เพียงพอโดยเฉพาะฟิล์มเพราะที่ต่างประเทศราคาจะสูงมากโดยเฉพาะ ตามสถานที่ท่องเที่ยว และควรเตรียมถ่านใส่กล้องถ่ายรูปไปด้วยเพราะอากาศเย็นถ่านจะเสื่อมสภาพเร็ว

 การใช้โทรศัพท์
โทรศัพท์มือถือที่นำไปจากประเทศไทยสามารถนำไปใช้ได้ เพียงแต่ซื้อซิมการ์ดเปลี่ยนเท่านั้นและมีราคาถูกมากประมาณ 99 บาทและซื้อบัตรเติมเงินที่มีราคาตั้งแต่ 350 – 1150 รูปี ค่าโทรศัพท์ระหว่างประเทศที่ใช้มือถือโทรออกประมาณนาทีละ 16 บาท ถ้าทางครอบครัวโทรจากเมืองไทยเข้าที่เครื่องเวลารับจะไม่เสียเงิน แต่ถ้าใช้โทรศัพท์ระหว่างประเทศระบบ IDSL จะถูกกว่ามากซึ่งจะเห็นติดป้ายอยู่ตามร้านอินเตอร์เน็ตทั่วไปมีระบบดิจิตอลจับเวลานาทีละ 7 บาท

 การให้ทิป
การให้ทิปในต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องสำคัญ และมารยาทของนักท่องเที่ยวควรให้ทิปสำหรับคนที่ให้บริการท่าน อาทิคนขับรถ / ไกด์ท้องถิ่น ที่คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ท่านระหว่างการเดินทาง

 อาหารการกิน
อาหารอินเดีย ก็สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ อย่างแรกเป็นอาหารทานเล่นหรืออาหารเรียกน้ำย่อย อาหารทานเล่นในอินเดีย มักเป็นจำพวกของทอดต่างๆ เช่น กะหรี่ปั๊ป ข้าวเกรียบแผ่น ซาโมซ่า ซามิกาบั๊ป และพาโคร่า เป็นต้น จะทานคู่กับน้ำจิ้ม 3 ชนิด แล้วแต่ว่าจะทานแบบไหน มีทั้งน้ำจิ้มสีเขียว รสชาติเผ็ดหน่อยๆ หรือจะเป็นน้ำจิ้มสีน้ำตาล ออกเปรี้ยวนำ และน้ำจิ้มหอมแดงดอง

หลังจากที่ได้ทานอาหารทานเล่นแล้ว ก็ตามด้วยประเภทที่สอง ที่เรียกว่าอาหารจานหลัก ซึ่งโดยทั่วไปมักจะมีลักษณะคล้ายแกงของคนไทย ทานพร้อมๆ กันกับพวกของปิ้ง ของย่าง หรือของทอด เช่น แทนดูรี่ เป็นของชนิดย่าง อย่าง พวกไก่ย่างใส่เครื่องเทศ เป็นต้น แต่ถ้าเป็นพวกแกง คนอินเดียไม่ค่อยใส่เนื้อกับผักปนกัน เลือกใส่อย่างใดอย่างหนึ่งลงไป เช่น ถ้าแกงใส่ผัก ก็จะมีแต่ผักเท่านั้น

ส่วนของหวานสำหรับคนอินเดีย จะมีไว้ทานคู่กับชาอินเดีย และของหวานโดยมากจะทำจากนม เนย โยเกิร์ตเท่านั้น แต่สำหรับเครื่องดื่ม เน้นไปที่นมและโยเกิร์ต ปั่นรวมกับผลไม้สดๆ หรือจะเป็นประเภทชาอินเดีย แค่นี้ก็สามารถทำให้เห็นแล้วว่า อาหารอินเดียเป็นอาหารนานาชาติอีกชนิดหนึ่ง ที่น่าสนใจ และไม่มีขั้นตอนใดๆ ให้คนทานยุ่งยากใจ

 รายการช้อปปิ้ง

  • ผ้าคลุมไหล่
  • พระพิฆเนศ
  • งานหินแกะสลัก
  • เปเปอร์มาเช่
  • กระเป๋า
  • กล่องไม้แกะสลัก
  • กำไล
  • ฯลฯ

 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

  • สถูปรามาภาร์
  • ทัชมาฮาล
  • สวนโมกุล
  • โซนามาร์ค
  • กุลมาร์ค
  • ดาร์จีลิ่ง
  • วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์
  • พระราชวังอัมเบอร์พาเลซ
  • พระราชวังเลห์
  • วัดธิคเซย์

 เทศกาลสำคัญ

  • เทศกาลคเณศจตุรถี : เทศกาลบูชาพระคเณศ (Lord Ganesh) เทพเจ้าแห่งปัญญาและการขจัดอุปสรรคทั้งปวง เริ่มต้นแล้ววันนี้ โดยเทศกาลนี้มีชื่อเรียกว่า คเณศจตุรถี (Ganesh Chaturthi) หรือที่เรียกกันทั่วไปในปูเณ่ว่า กันปาตี (Ganpati Festival) เพื่อเฉลิมฉลองวันประสูติของพระองค์ ในเดือนเดือนภาทรบท (Bhadrapada) ตามปฏิทินฮินดู ปกติชาวฮินดูจะสวดภาวนาต่อพระคเณศก่อนที่จะเริ่มกิจการงานสำคัญใดๆ ด้วยเชื่อกันว่าพระองค์จะบันดาลให้ความปรารถนานั้นสัมฤทธิ์ผลสมประสงค์
  • เทศกาลอาหารมุสลิมในวันออกศีลอด อีดิลฟิตรี (Eid-ul-Fitr) : อีดิลฟิตรี (Eid-ul-Fitr) ถือเป็นวันสำคัญที่สุดวันหนึ่งของชาวมุสลิม หลังสิ้นสุดการถือศีลอดในเดือนรอมะฎอนเป็นเวลานานถึงหนึ่งเดือน ชาวมุสลิมจึงมีการเลี้ยงฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ภายในครอบครัว ญาติมิตร และเพื่อนฝูง บ้างก็พาครอบครัวออกมารับประทานอาหารนอกบ้าน มาเที่ยวและจับจ่ายซื้อข้าวของกันอย่างสนุกสนานในวันหยุดวันนี้
  • เทศกาลกฤษณะจันมาสตามิ (Krishna Janmashtami) : หรือวันประสูติพระกฤษณะ ที่ปูเณ่เรียกเทศกาลนี้ว่า “ดะฮี แฮนดี (Dahi Handi)” เมื่อวานนี้ เป็นเทศกาลแห่งความสนุกสนาน มีสีสัน และลุ้นกันจนตัวโก่ง โดยเฉพาะในตอนกลางคืน ที่มีการเล่นต่อตัวกันขึ้นไปดึงหม้อแฮนดีที่แขวนไว้บนที่สูงลงมา และหม้อนี้มีแขวนไว้เป็นระยะระหว่างถนนสองฟาก ในตรอกซอกซอยต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณหน้าวัด ยิ่งถ้าเป็นวัดใหญ่ ก็จะมีการแข่งขันและเงินรางวัลให้สูง สำหรับทีมที่สามารถดึงหม้อแฮนดีที่แขวนไว้สูงมากลงมาได้โดยมีเงิน 1 แลกห์ หรือ 1 แสนรูปีจากนักการเมืองเป็นรางวัล ทีมที่ีชนะนี้ต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างมากทีเดียว
  • เทศกาลรักษาบันดาล (Raksha Bandhan) : บ้างก็เรียกว่า ราคี (Rakhi) เป็นเทศกาลของชาวฮินดูที่เฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายกับน้องสาว ในวันเพ็ญแห่งเดือนศรวณะ (Shravana) ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 24 สิงหาคม วันนี้จึงถือว่าเป็นวันสำคัญที่เฉลิมฉลองกันทั่วอินเดีย เพื่อแสดงออกถึงความรักความผูกพันระหว่างพี่ชายและน้องสาว

india-festival