ห้องพักแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร ?

hotel-rooms-banner-920x340

การแบ่งประเภทห้องพักของโรงแรมจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆเหล่านี้

ประเภทที่ 1 พิจารณาจากจำนวนและขนาดของเตียงต่อห้อง

  • ห้องเตียงเดี่ยว (Single Bedded Room) จะมีเตียงขนาดเล็กไว้ในห้องพักให้เพียง 1 เตียง สำหรับแขกพักได้ 1 คน
  • ห้องเตียงคู่ หรือห้องทวิน (Twin Bedded Room) มีเตียงเล็กในห้องพัก 2 เตียง สำหรับแขกพักไม่เกิน 2 คน
  • ห้องคู่ (Double Bedded Room) มีเตียงใหญ่ 1 เตียง สำหรับแขกพักได้ไม่เกิน 2 คน
  • ห้องสูทหรือห้องสวีท (Suites) ประกอบด้วยพื้นที่ใช้สอย 2 ส่วนในห้องพัก คือ ส่วนห้องนอนและส่วนห้องนั่งเล่น โดยในห้องนอนจะมีเตียงใหญ่ 1 เตียง สำหรับแขกพักไม่เกิน 2 คน
  • ห้องสตูดิโอ (Studio Room) เป็นห้องที่มีขนาดเล็ก อาจเป็นห้องมาตรฐานที่ใส่เตียงคู่ได้แค่เตียงเดียว

ประเภทที่ 2 พิจารณาจากการตกแต่ง ขนาดห้องพัก และทัศนียภาพ

  • Standard Room เป็นห้องพักที่มีขนาดและการตกแต่งตามมาตรฐานทั่วไป อาจแบ่งย่อยเป็นห้องเดี่ยว ห้องคู่ หรือห้องเตียงคู่ ก็ได้ ราคามาตรฐานของ โรงแรมจะเริ่มจากห้องประเภทนี้ อาจแบ่งย่อยเป็น Single Bedded Room,                Twin Bedded Room, Double Bedded Room ได้ทั้งนั้น
  • Superior Room เป็นห้อง Standard ที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า เช่น ทัศนียภาพดีกว่า สะดวกกว่า หรือเตียงมีขนาดใหญ่กว่าห้อง Standard ราคาจะสูงกว่า ห้องมาตรฐานเล็กน้อย
  • Deluxe Room ห้องอาจเท่ากันหรือขนาดกว้างกว่าห้อง Standard แต่จะตั้งอยู่ ในตำแหน่งที่ดีที่สุด เช่น ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามเป็นพิเศษ มีขนาดเตียงที่ ใหญ่เป็นพิเศษ มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในห้องพัก สามารถมองเห็นทัศนียภาพจากห้องพักในมุมที่สวยที่สุด แต่ละโรงแรมก็จะมีทัศนียภาพ ที่แตกต่างกัน อาทิเช่น วิวทะเล วิวภูเขา วิวสวน วิวทุ่งนา วิวตัวเมือง จะทำให้ห้องพักมีราคาสูงกว่าในบรรดาห้องพักทั้งหมด

ประเภทที่ 3 สำหรับชั้นนักธุรกิจและชั้นพิเศษ

       ชั้นนักธุรกิจ (Executive Floor) และชั้นพิเศษ (Presidential Suite) สำหรับโรงแรมที่เน้นกลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนัก เป็นนักธุรกิจที่ยินดีจ่ายราคาสูง สำหรับการบริการที่เป็นส่วนตัวแยกจากแขกที่จ่ายค่าห้องปกติ ห้องพักชั้นนักธุรกิจและชั้นพิเศษจึงมักจะมีขนาดใหญ่กว่าห้องธรรมดา ใช้วัสดุอย่างดี ราคาแพง เป็นพิเศษสำหรับตกแต่งภายในห้องพัก และมีบริการพิเศษที่กลุ่มนักธุรกิจจำเป็นต้องใช้ เช่น ห้องประชุม ห้องอาหาร บริการเลขาฯ บริการต้นห้องส่วนตัวที่เรียกว่า บัตเลอร์ เป็นต้น

       โรงแรม-รีสอร์ทบางแห่งอาจต้องการตั้งชื่อห้องพักให้แตกต่างไปจากเดิมเพื่อเป็นการสร้างจุดขาย และเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เมื่อเวลาเอ่ยชื่อห้องพักออกมาก็ทำให้ลูกค้า

ที่เข้าพัก สามารถเข้าใจได้ว่าต้องเป็นห้องที่ต้องการ

ตัวอย่างชื่อเรียกห้องพักที่ตั้งขึ้นเพื่อกลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง

  • Honeymoon Room ฟังจากชื่อก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นห้องพักที่ต้องเหมาะกับคู่รัก มีเตียงนอนขนาดใหญ่สำหรับ 2 คน

       มีสิ่งอำนวยความสะดวก และการตกแต่ง ที่หรูหรา บรรยากาศดีกว่าห้องพักมาตรฐานทั่วไป

  • Family Room เป็นห้องพักสำหรับแขกที่มากันเป็นครอบครัว หรือ 4คน ในห้อง จะมีเตียงขนาดใหญ่นอนได้ 2 คน 1 เตียง และเตียงเดี่ยวนอนได้คนเดียวอีก 2 เตียง นั่นก็หมายถึงเตียงใหญ่สำหรับพ่อ-แม่ และเตียงเล็กสำหรับลูกๆ แต่หากต้องการห้องพักสำหรับครอบครัวใหญ่ที่มี คุณปู่-คุณย่า-คุณตา-คุณยาย ร่วมคณะมาด้วย ก็จะเลือกใช้บริการห้องพักแบบ Grand Family Suite คือมีห้องพัก

       ที่มีขนาดเตียงใหญ่เพิ่มเข้ามาอีก 1 ห้อง

ชนิดของเตียงที่ใช้ในห้องพักประเภทต่างๆ

  • เตียงขนาดใหญ่ (King Sized Bed) มีขนาด 80×80 นิ้ว หรือ 72×72 นิ้ว สำหรับห้อง Deluxe และห้อง Sweet
  • เตียงขนาดกลาง (Queen Sized Bed) มีขนาด 60×80 นิ้ว หรือ 60×72 นิ้ว
  • เตียงคู่ขนาดนอน 2 คน (Double Bed) มีขนาด 54×75 นิ้ว นิยมวางในห้องพักที่เรียกว่า ห้องคู่ (Double Bedded Room)
  • เตียงเดี่ยวขนาดเล็กนอน 1 คน (Single Bed) มีขนาด 36×75 นิ้ว หรือ 37×80 นิ้ว หรือ 1×2 เมตร สำหรับห้องเตียงเดี่ยว (Single Bedded Room) หรือห้องเตียงคู่ (Twin Bedded Room)